Skip to content

วันที่โพสต์

21 ธ.ค. 2023

ประเภทบทความ

มติ ‘ระบบสุขภาวะทางจิตเพื่อสังคมไทยไร้ความรุนแรง’ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 16

ในวันที่ 21 ธันวาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 16 ภายใต้หัวข้อ "ความเป็นธรรมด้านสุขภาพ โอกาสและความหวังอนาคตประเทศไทย" โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาระบบสุขภาพจิตในสังคมไทยเพื่อสร้างความปรองดองและลดความรุนแรง

ทาง TIMS ได้มีบทบาทสำคัญในคณะทำงานพัฒนาประเด็น 'ระบบสุขภาวะทางจิตเพื่อสังคมไทยไร้ความรุนแรง' โดยได้ดำเนินการค้นคว้าวิจัยและสรุปสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิต พร้อมทั้งรับฟังความเห็นเพื่อพัฒนาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลาง โดย TIMS ได้ร่วม ผลักดันและขับเคลื่อนมติ พร้อมแสดงถ้อยแถลง ขับเคลื่อนมติ จนสมัชชาสุขภาพมีมติเห็นชอบ กรอบทิศทางนโยบาย (Policy Statement) รวมถึงร่างเอกสารซึ่งนำเสนอต่อที่ประชุม และขอให้รายงานผลการขับเคลื่อนและติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อพัฒนานโยบาย สาธารณะให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ ต่อสมัชชาสุขภาพ ครั้งที่ 19

การประชุมได้มีมติในการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมทักษะด้านสุขภาพจิต การพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารที่เข้าถึงประชากรทุกกลุ่ม และการวางระบบสุขภาพจิตที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงบริการสุขภาพ เพื่อสร้าง "ตาข่ายรองรับและดูแลจิตใจ" ของคนในสังคม

ดร.ธีรพัฒน์ อังศุชวาล ในฐานะคณะทำงานพัฒนาประเด็นระบบสุขภาวะทางจิตเพื่อสังคมไทยไร้ความรุนแรง ได้กล่าวว่า สุขภาพจิต (Mental health) และสุขภาวะทางจิต (Mental well-being) เป็นสองคำที่มีความหมายแตกต่างกัน โดยสุขภาพจิตมักหมายถึงปัญหาส่วนบุคคล บริการทางการแพทย์ หรืออาการจิตเวช ซึ่งอาจมีความชัดเจนแต่ค่อนข้างแคบ ในขณะที่สุขภาวะทางจิตมีความกว้างขวางกว่า เพราะเกี่ยวข้องกับการมีความสุขจากคุณภาพชีวิตที่ดี และความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ทั้งด้านบวกและลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ธีรพัฒน์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์กับปัญหาความรุนแรง ซึ่งประชากรทุกกลุ่ม เช่น เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ต่างก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น ประเทศไทยมีกรอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 และธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565 ที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมการป้องกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนานโยบายสาธารณะที่ตอบสนองต่อปัญหานี้ แต่ยังไม่เพียงพอ จึงนำมาสู่มติ "ระบบสุขภาวะทางจิตเพื่อสังคมไทยไร้ความรุนแรง" ที่มีกรอบทิศทางดังนี้

กรอบทิศทางนโยบาย (Policy Statement)

ความรุนแรงในสังคมไทยนับวันจะมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะในมิติหรือประเภทใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์และส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างซับซ้อน ในการสร้าง “สังคมไทยไร้ความรุนแรง” ที่คน สามารถมีสุขภาวะและทำให้สังคมโดยรวมมีความยั่งยืนทางสุขภาพจิต จำเป็นต้องพัฒนา “ระบบสุขภาวะทางจิต” ที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนและทุกระดับของสังคมอันครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาทักษะสุขภาพจิตส่วนบุคคล พฤติกรรม วิถีชีวิต การเยียวยารักษา ไปจนถึงการออกแบบและพัฒนานโยบายที่เป็นไปตามหลักสากล ไม่ทิ้งใครไว้ ข้างหลัง และเอื้อต่อการมีสุขภาวะทางจิตที่ดีสำหรับทุกคนในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ตาม แนวทางการสร้างเสริม ป้องกันและคัดกรอง รักษา และฟื้นฟู รวมถึงปัจจัยสังคมและเศรษฐกิจกำหนดสุขภาพจิต ซึ่งมีลักษณะเป็นเชิงรุก กระจายทั่วถึง ไม่ตีตรา เข้าถึงตามขั้นการดูแลของกลไกในระบบสุขภาวะทางจิต สอดคล้อง กับวิถีชีวิต วัฒนธรรม บริบทชุมชนพื้นที่ โดยคำนึงถึงกติกา พันธสัญญาและข้อตกลงทั้งในและระหว่างประเทศ

สาระสำคัญประกอบกรอบทิศทางนโยบาย

  1. ระบบสุขภาวะทางจิตประกอบด้วยกลไกต่างๆ ที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่:

    1. กลไกบ้าน: ครอบครัวและเพื่อนสนับสนุนสุขภาวะทางจิต โดยใช้ความรู้ด้านจิตวิทยาเชิงบวกและการเสริมพลัง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในบ้าน
    2. กลไกชุมชนและสังคม: ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ร่วมมือในการสร้างและดูแลสุขภาพจิตให้เข้าถึงประชากรทุกกลุ่มอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    3. กลไกนโยบายและกฎหมาย: มุ่งสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในด้านสุขภาวะทางจิต โดยการสนับสนุนโครงสร้างและมาตรฐานในการบริการ
    4. กลไกการบริการสุขภาพจิต: ขับเคลื่อนด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพและนวัตกรรม เพื่อให้การบริการสุขภาพจิตเข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง
  2. พัฒนานวัตกรรมการสื่อสารเพื่อสร้างเสริมสุขภาพจิตที่เข้าถึงทุกกลุ่มประชากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการตีตราและอคติ

  3. พัฒนาวิธีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาวะทางจิตของประชากรกลุ่มต่างๆ เพื่อนำมาสู่การออกแบบมาตรการและวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพจิตที่เหมาะสม

  4. มีมาตรการเฉพาะสำหรับกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงต่อความรุนแรงและสุขภาพจิต โดยการลงทุนในโครงสร้างและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชน

  5. ยกระดับกลไกการประสานงานในระดับชาติและท้องถิ่น เช่น คณะกรรมการสุขภาพจิต ให้มีระบบที่มีกองทุนสนับสนุนที่ต่อเนื่อง

  6. ส่งเสริมทักษะและความรู้ด้านสุขภาพจิตในชีวิตประจำวัน ผ่านการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อสร้างระบบสุขภาวะทางจิตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในสังคมไทย

มติของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

  1. เห็นชอบกรอบทิศทางนโยบายสำหรับระบบสุขภาวะทางจิตเพื่อสังคมไทยไร้ความรุนแรง
  2. ขอให้มีการรายงานผลการขับเคลื่อนมติดังกล่าวต่อสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 19 เพื่อติดตามและพัฒนานโยบายสาธารณะให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต

อ่านมติเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nationalhealth.or.th/sites/default/files/upload_files/1-2NHA16.pdf 

ดูคลิปได้ที่: https://www.facebook.com/share/v/JiaRVgkRQ9X8xcho

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และ Thai PBS

 

อ้างอิง

TIMS. (2024). TIMS 2023-2024 Report. https://www.tims.psy.chula.ac.th/en/article/tims-2023-2024-report/ 

สถานการณ์สุขภาพจิตคนไทย เจอวิกฤตความรุนแรง-เศรษฐกิจ. (2023, December 25). https://policywatch.thaipbs.or.th/article/life-7

สํานักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. (n.d.). สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. https://www.nationalhealth.or.th/index.php/th/node/4714

 

 

วันที่โพสต์

21 ธ.ค. 2023

ประเภทบทความ

ผู้เขียน

แชร์คอนเทนต์นี้